top of page

อุตสาหกรรมอหารไทย จะทำอย่างไรเมื่อ EU แบนการใช้ BPA

เมื่อสหภาพยุโรปประกาศห้ามใช้ BPA (Bisphenol A) ในวัสดุสัมผัสอาหารอย่างเต็มรูปแบบ ตาม Regulation (EU) 2024/3190 ซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 20 มกราคม 2025 โดยมีระยะเปลี่ยนผ่าน (phase‑out) ประมาณ 18 เดือน ยาวสุดถึงปี 2026–2029 นั่นหมายความว่าผู้ผลิตหรือส่งออกอาหารไทยที่ต้องการเข้า EU ต้องเตรียมปรับตัวทันทีในหลายด้าน:


แนวทางที่อุตสาหกรรมอาหารไทยควรดำเนินการ

1. ตรวจสอบซัพพลายเชนและวัสดุบรรจุภัณฑ์

– รีบประเมินทุกวัสดุที่สัมผัสอาหาร เช่น ฝาเคลือบ กระป๋อง พลาสติก ใช้หรือผสม BPA หรือไม่– อัปเดต Declaration of Compliance (DoC) เพื่อรับรองว่าไม่มี BPA เกินค่าที่ระบุ

2. หาทางเลือกทดแทน (Alternatives)

– พิจารณาวัสดุอื่นที่ “ไม่ใช่ bisphenol” เช่น polyolefin, glass, stainless steel หรือ epoxy resins ปราศจาก BPA– ในกรณีที่เลือกใช้ BPS หรือ BPF ต้องระวังว่าอาจยังมีข้อจำกัด และมีความเสี่ยงด้านสุขภาพเช่นเดียวกับ BPA

– ร่วมกับนักวิจัย เจ้าหน้าที่ควบคุมคุณภาพ ร่วมพัฒนา นำเข้าวัสดุใหม่ที่มีการตรวจสอบวิเคราะห์ migration testing ได้ตรงตามมาตรฐาน EU

3. ปรับกระบวนการผลิตและทดสอบ

– ใช้วิธีทดสอบที่ EU ยอมรับ เช่น EURL reference methods ตรวจ migration ≤ 1 µg/kg 

– ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเครื่องจักรและสายผลิตไม่มี BPA สะสมจากเครื่องมือหรือ coatings ก่อนเดินสายผลิต เพื่อป้องกันการปนเปื้อนข้าม 4. วางแผนใช้สต๊อกและระยะเวลาเปลี่ยนผ่าน

– สินค้าที่ผลิตก่อน 20 ม.ค. 2025 สามารถขายได้ภายในช่วงเวลาการเปลี่ยนผ่าน (single-use ถึง 20 ก.ค. 2026, repeat-use ถึง 20 ม.ค. 2029)

– วางแผนหมุนเวียนสต๊อกเก่าให้หมดให้ทันภายในระยะดังกล่าว เพื่อหลีกเลี่ยงข้อขัดแย้งทางกฎหมาย 5. สื่อสารกับตลาดผู้ซื้อใน EU

– ให้ข้อมูลลูกค้าและหน่วยงานควบคุม EU อย่างโปร่งใส ว่าได้ดำเนินการปรับเปลี่ยนวัสดุแล้ว– ยืนยันผ่าน DoC และจัดเตรียมเอกสารแสดงการทดสอบ compliance พร้อมรับ audits

6. ติดตามข้อกฎหมายและทิศทางวัสดุใหม่

– ติดตามประกาศจาก EFSA และ EU เช่น การอนุญาตเฉพาะ bisphenol derivatives ที่ปลอดภัย– ร่วมมือกับหน่วยงานวิจัย ช่วยพัฒนาวัสดุนวัตกรรม ปลอดภัย และได้สิทธินำเข้า EU ต่อไป



สรุปภาพรวม

แนวทาง

สาเหตุ & ประโยชน์

ตรวจรับวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์

หลีกเลี่ยงการละเมิดกฎหมายโดยไม่รู้ตัว

รีบหาและทดแทน BPA

ปลอดภัย ลดความเสี่ยง สอดคล้อง PCA

ทดสอบตามมาตรฐาน EU

ป้องกัน rejection และปัญหาการนำเข้า

วางแผนเผื่อระยะเวลาเปลี่ยนผ่าน

ใช้สต๊อกเดิมอย่างคุ้มค่า ไม่กีดกันตลาด

โปร่งใสทางข้อมูล compliance

สร้างความเชื่อมั่นให้ตลาด EU

ติดตามการอนุญาตวัสดุใหม่

เตรียมพร้อมสำหรับนวัตกรรมวัสดุแทน BPA


โดยรวม เมื่อ EU กำหนดกฎหมายเข้มงวดต่อ BPA อุตสาหกรรมอาหารไทยต้องเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นระบบ ทั้งซัพพลายเชน การผลิต การทดสอบ รวมถึงการสื่อสารกับผู้ซื้อ เปลี่ยนวัสดุอย่างถูกกฎหมาย และเผชิญกับระยะเปลี่ยนผ่านอย่างมีแผน ซึ่งจะช่วยคงตำแหน่งทางการตลาดใน EU พร้อมสร้างความได้เปรียบเมื่อวัสดุตลาดโลกเปลี่ยนทิศทางไปอีกขั้น เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ตแบบต่อเนื่อง (CIJ) ของ Linx จากสหราชอาณาจักร (Linx CIJ Printer, UK) แม้จะไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับสาร BPA แต่มีบทบาทสำคัญในการ ช่วยให้ผู้ผลิตอาหารไทยปฏิบัติตามข้อกำหนดของ EU ด้านความปลอดภัยและการตรวจสอบย้อนกลับของบรรจุภัณฑ์อาหารที่ไม่ใช้ BPA ดังนี้:

บทบาทของเครื่องพิมพ์ Linx CIJ ในบริบทการแบน BPA ของ EU

1. ช่วยพิมพ์รหัส Traceability บนบรรจุภัณฑ์ที่ปลอด BPA Linx CIJ สามารถพิมพ์ รหัสการผลิต, เลขล็อต, วันผลิต-หมดอายุ, QR code บนวัสดุบรรจุภัณฑ์ที่ไม่ใช้ BPA ได้ เช่น:

  • พลาสติกประเภท polyolefin (PE, PP)

  • ฟิล์ม BOPP หรือ PET ที่ไม่มี coating BPA

  • กระดาษ, กล่อง, แก้ว และโลหะที่ผ่านการเคลือบปลอดสาร

ทำให้ บรรจุภัณฑ์ใหม่ที่ปลอด BPA สามารถพิมพ์รหัสได้โดยไม่เสียคุณภาพ หรือหลุดลอก

2. รองรับวัสดุทดแทน BPA ได้หลากหลาย

  • หมึกของ Linx มีหลายสูตร เช่น หมึกแห้งเร็ว, หมึกทนความร้อน, หมึกปลอดสารฮาโลเจน รองรับพื้นผิวใหม่ๆ ที่โรงงานเปลี่ยนมาใช้แทนวัสดุเดิมที่มี BPA

  • เช่น หากเปลี่ยนฝาขวดหรือถาดอาหารจากพลาสติก PC (polycarbonate) เป็น PP หรือ PET, Linx CIJ ก็ยังพิมพ์ได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนเครื่อง

3. เพิ่มความโปร่งใสในการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability)

EU เน้นเรื่องการ “ติดตามย้อนกลับได้” ตลอดซัพพลายเชน โดยเฉพาะเมื่อมีการเปลี่ยนวัสดุบรรจุภัณฑ์ Linx CIJ พิมพ์รหัสแบบไม่ลบเลือน ช่วยให้สามารถระบุได้ว่า:

  • สินค้ารุ่นไหนใช้วัสดุปลอด BPA

  • ผลิตเมื่อไร, ที่สายการผลิตใด

  • กรณีเกิดปัญหา สามารถเรียกคืนได้เฉพาะล็อตที่เกี่ยวข้อง ไม่กระทบทั้งหมด

4. ไม่ใช้ความร้อน ไม่กระทบคุณสมบัติของวัสดุปลอด BPA

  • ต่างจากระบบพิมพ์บางแบบ (เช่น Thermal Transfer หรือ Laser) ที่ต้องใช้ความร้อนสูง ซึ่งอาจกระทบวัสดุใหม่ที่มีความไวต่ออุณหภูมิ

  • Linx CIJ พิมพ์ด้วยหมึกพ่นแรงดันต่ำ จึง ปลอดภัยต่อฟิล์มบางหรือพลาสติกชนิดใหม่ที่ใช้ทดแทน BPA

5. สอดคล้องกับแนวทาง GMP และ EU Regulation

  • Linx CIJ รุ่น 8900/8920 ออกแบบให้ทำความสะอาดง่าย, ทนฝุ่นและน้ำ (IP55–IP65), เหมาะกับไลน์ผลิตอาหาร

  • ยังสามารถใช้ หมึกที่ผ่านมาตรฐาน GMP หรือ EU Food Packaging Grade ได้ตามความต้องการลูกค้า



สรุป

ประเด็น

บทบาทของ Linx CIJ Printer

พิมพ์บนบรรจุภัณฑ์ใหม่ที่ปลอด BPA

พิมพ์คมชัด ติดทน ไม่หลุดง่าย

รองรับวัสดุหลากหลาย

PET, PP, PE, กระดาษ, ฟิล์ม ฯลฯ

ช่วยเรื่อง Traceability

รหัสล็อต วันผลิต ใช้ยืนยันวัสดุ

ไม่กระทบวัสดุปลอด BPA

ไม่มีความร้อน ไม่ทำให้วัสดุเสียหาย

สอดคล้องกับกฎ GMP/EU

พร้อมใช้งานในไลน์อาหารทันที

หากโรงงานอาหารไทยต้องการ “เปลี่ยนวัสดุปลอด BPA” และยังต้อง รักษาประสิทธิภาพการพิมพ์รหัสอย่างมืออาชีพเพื่อการส่งออกสู่ EU — เครื่องพิมพ์ Linx CIJ จึงเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้การเปลี่ยนผ่านนี้เป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย


เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ตแบบต่อเนื่อง Linx 8920 พร้อมหัวพิมพ์แบบยืดหยุ่น วางอยู่ข้างบรรจุภัณฑ์อาหารที่ปลอดสาร BPA เช่น ขวดน้ำพลาสติก ถาดพลาสติกบรรจุซอส และกระป๋องโลหะ มีสัญลักษณ์วงกลมสีเขียวระบุว่า "BPA FREE" และข้อความหัวเรื่องว่า “บทบาทของเครื่องพิมพ์ Linx CIJ ในการช่วยผู้ผลิตอาหารไทยปฏิบัติตามข้อกำหนดการแบน BPA ของสหภาพยุโรป

Comments

Rated 0 out of 5 stars.
No ratings yet

Add a rating
bottom of page