เทคโนโลยีป้องกันการปลอมแปลงสินค้า ด้วยดิจิทัลและกายภาพ อะไรที่ดีที่สุดในยุคปัจจุบันนี้ | Digital vs physical – which anti-counterfeiting technology is best?
ตลาดการปลอมแปลงสินค้าจากทั่วโลกกำลังเฟื่องฟู โชคไม่ดีมากนักสำหรับองค์กรที่อยู่ในห่วงโซ่ของการต่อต้าน ซึ่งนับวันยิ่งทวีความรุ่นแรงมากขึ้น เหตุการณ์ที่เกี่ยวเนื่องกับสุขภาพการสูญเสียรายได้การฟ้องร้อง และความเสียหายต่อแบรนด์ของสินค้า โชคดีที่มาตรการต่อต้านการปลอมแปลงที่ซับซ้อนได้รับการยอมรับ และถูกนำไปใช้อย่างต่อเนื่อง ได้มีการพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญจากทั่วอุตสาหกรรมต่อต้านการปลอมแปลง เพื่อสำรวจตัวเลือกที่มีอยู่ในปัจจุบันและมองไปที่อนาคตของการต่อสู้กับของปลอม
โฮโลแกรม (Hologram)
ถูกใช้มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงกลางศตวรรษที่ 20 โฮโลแกรมได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในโซลูชั่นการต่อต้านการปลอมแปลงที่เก่าแก่ที่สุดในตลาด แต่เทคโนโลยีนี้มีข้อได้เปรียบเหนือคู่แบบดิจิทัลหรือไม่?
ความเรียบง่ายเป็นกุญแจสำคัญ Peter Franc ผู้อำนวยการฝ่ายรักษาความปลอดภัยของโครงสร้าง IQ ระบุ “เทคโนโลยีโฮโลแกรม ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งอื่นใดเช่นฐานข้อมูล คุณเพียงแค่เลือกแพ็คเกจและดูมัน” ว่า “สิ่งนี้ทำให้โฮโลแกรมเป็นองค์ประกอบที่แข็งแกร่งที่สุดในการป้องกันด้วยการมองเห็นด้วยตา”
อย่างไรก็ตามนั่นไม่ได้หมายความว่าโ ฮโลแกรมทั้งหมดจะถูกสร้างขึ้นอย่างเท่าเทียมกัน “ ต้องใช้โฮโลแกรมที่เหมาะสม โฮโลแกรมที่มีประสิทธิภาพที่สุดนั้นใช้เอฟเฟ็กต์ภาพที่น่าประทับใจซึ่งสามารถระบุได้ง่ายและยากที่จะเลียนแบบได้ ตลาดปัจจุบันเต็มไปด้วยโฮโลแกรมราคาถูกที่นักเรียนเลียนแบบได้ทุกคนสามารถเลียนแบบได้ และนับวันโฮโลแกรมจะล้มเหลวในการป้องกันการปลอมแปลง
และเนื่องจากส่วนหนึ่งของอายุการใช้งานที่ยาวนานของเทคโนโลยีโฮโลแกรม จึงมีการใช้งานที่หลากหลาย “เรามุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ที่มีราคาแพง หรือมีความสำคัญต่อต้นทุนชีวิตสุขภาพและการดำเนินงาน ซึ่งหมายความว่ายาเสพติด อาหาร เครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์ยาสูบ และส่วนประกอบเครื่องจักรที่สำคัญ”
บล็อกเชน (Blockchain)
ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมจำนวนมากจะได้ยินเทคโนโลยีบล็อคเชน แต่พวกเราส่วนใหญ่สามารถได้รับการให้อภัยเพราะไม่รู้ว่ามันคืออะไร โชคดีที่เทคโนโลยีนี้ไม่ซับซ้อนอย่างที่เห็นในตอนแรก Clearmark Solutions กล่าวว่า “blockchain เป็นวิธีการเก็บและแบ่งปันข้อมูลผ่านเครือข่ายในพื้นที่ดิจิตอลเสมือนจริงที่เปิดกว้าง”
ในแง่ของการต่อต้านการปลอมแปลงเนื้อหาหลักของ blockchain นั้นสามารถมองเห็นได้อย่างสมบูรณ์ “ข้อมูลทั้งหมดจากห่วงโซ่คุณค่าเชื่อมโยงแบบเข้ารหัสซึ่งเป็นตัวยับยั้งความพยายามในการปลอมแปลง ข้อมูลที่เก็บไว้ อาจรวมถึงการประทับเวลา ทำให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้อย่างสมบูรณ์จากแหล่งกำเนิด
อุตสาหกรรมเนื้อสัตว์และสัตว์ปีก รวมถึงเวชภัณฑ์ เป็นตลาดสำคัญสำหรับ blockchain บริษัท ยังคงดำเนินต่อไปเนื่องจาก“ การตรวจสอบย้อนกลับจากแหล่งสู่ผู้บริโภคของบล็อกเชน ทำให้สามารถบรรเทาความกลัวเกี่ยวกับการปนเปื้อน และความถูกต้องตามกฎหมายที่เคยเชื่อฟังทั้งสองอุตสาหกรรม” Clearmark ให้เหตุผลว่าสินทรัพย์เหล่านี้สามารถช่วยให้แบรนด์ต่างๆ ในอุตสาหกรรมเหล่านี้ฟื้นคืนความเชื่อมั่นของผู้บริโภค หลังจากเกิดเรื่องอื้อฉาวเรื่องอาหารและยาเมื่อไม่นานมานี้ และในแง่ของกฎหมายล่าสุดเช่นกฎหมายของนาตาชา (Natasha’s Law) และคำสั่งยาปลอมแปลงองค์กรในหลายๆ ภูมิภาคในขณะนี้มีความสนใจใน “การติดตามผลิตภัณฑ์ของพวกเขาอย่างถูกต้องลงในห่วงโซ่อุปทาน” ซึ่งเป็นประเด็นที่สินทรัพย์ของ blockchain อาจช่วยได้
แทรค แอนด์ เทรช (Track and Trace)
แทรค แอนด์ เทรช ที่จริงแล้วก็ไม่ได้เป็นระบบที่มีการเกิดใหม่ในยุคปัจจุบัน แต่ที่เริ่มมีการนำมาใช้ในหลายๆ ธุรกิจ นั้นก็เพราะ ระบบ Track & Trace ไม่ได้มีความเฉพาะเจาะจงในเรื่องของการติดตามวัสดุ หรือเอกสารในการจัดส่งกันเพียงอย่างเดียว แต่ระบบนี้ยังถูกนำไปใช้ในการบันทึกข้อมูลให้กับตัวสินค้าเกี่ยวกับอาหารและยากันด้วย ซึ่งข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้ก็เป็นประโยชน์ทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค เพราะสามารถติดตามได้จากตัวบรรจุภัณฑ์
ระบบ Track & Trace ถูกนำมาใช้ในธุรกิจ อาหารและยา (Food and Pharmaceutical) เปรียบเสมือผู้ช่วยที่คอยตรวจสอบความถูกต้องให้กับสินค้ามากยิ่งขึ้น เช่น การเคลื่อนที่ของสินค้าที่เริ่มตั้งแต่โรงงานผลิตไปจนถึงผู้ค้าปลีก, วันที่ผลิต/วันหมดอายุ, Lot Number, Batch Number ข้อมูลจำเพาะอื่นๆ ของสินค้า เป็นต้น ซึ่งรูปแบบของ Track & Trace อาจติดหรือระบุบนผลิตภัณฑ์ อยู่ในลักษณะของบาร์โค้ดแบบ 1 มิติ ชนิด GSN-128 และบาร์โค้ดแบบ 2 มิติ ชนิด GS1 DataMatrix ที่เพียงแค่สแกนผ่านสมาร์ทโฟนก็ทราบข้อมูลทั้งหมดได้ทันที
ผู้เขียนบทความ
แอดมิน