วิธีเลือกเครื่องพิมพ์วันที่ผลิต วันหมดอายุ แบบประหยัดงบ

ในปัจจุบัน มีธุรกิจใหม่เกิดขึ้นมามากขึ้น ทำให้มีสินค้าที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการต่อการเพิ่มขึ้นของประชากร ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกอย่างมากมายในการเลือกซื้อสินค้าเพื่อมาอุปโภค บริโภค แต่ทว่าการลงทุนย่อมมีความเสี่ยง ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างอาทิเช่น เศรษฐกิจที่ผันผวน การตลาด ต้นทุน การส่งออก จะส่งผลให้บริษัทของคุณไม่ประสบความสำเร็จได้ทั้งสิ้นและเดี๋ยวเราจะมาพูดถึง วิธีเลือกเครื่องพิมพ์วันที่ ที่ถูกต้องซึ่งจะทำให้บริษัทของคุณประหยัดงบประมาณได้อีกมากมาย

อุตสาหกรรมการผลิตสินค้าอุปโภคและบริโภคทุกชนิด ตาม ประกาศของกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 194 พ.ศ.2543 เรื่องฉลากอาหาร กำหนดให้อาหารทุกชนิดที่ผู้ผลิตไม่ได้เป็นผู้ขายอาหารนั้นให้กับผู้บริโภคโดยตรงต้องแสดงฉลากบนภาชนะ จำเป็นต้องมีเลข Lot เลขวันที่ผลิต วันหมดอายุ รหัสสินค้า บาร์โค้ด โลโก้ พิมพ์อยู่บนบรรจุภัณฑ์ เพื่อเป็นการแสดงถึงความสดใหม่ของสินค้า และง่ายต่อการตรวจสอบ และการเลือกซื้อของผู้บริโภค

เครื่องพิมพ์วันที่ผลิต วันหมดอายุ รหัสสินค้า มีอยู่หลายหลายประเภทด้วยกัน แล้วจะมั่นใจได้อย่างไร ว่าจะสามารถเลือกซื้อเครื่องที่เหมาะสมกับสายการผลิตในโรงงานได้อย่างเหมาะสม วันนี้ PT Asia จะมานำเสนอ 5 วิธีเลือกเครื่องพิมพ์วันที่ แบบประหยัดงบ แต่จบทุกความต้องการ (ในเบื้องต้น)

1. วัสดุการพิมพ์

วัสดุต่างๆ อาทิเช่น ไม้ กระดาษ กล่องลูกฟูก พลาสติก ยาง แก้ว กระป๋อง โลหะ อลูมิเนียม เป็นต้น ซึ่งในการเลือกเครื่องพิมพ์วันที่ เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก เพราะเครื่องพิมพ์แต่ละประเภทสามารถพิมพ์ติดบนวัสดุได้ในคุณภาพที่ต่างกัน ดังนั้นเพื่อเป็นการลดความเสี่ยงจากการที่หมึกหลุดหลอก พิมพ์ไม่ติดแน่นบนวัสดุ คุณจะต้องเลือกเครื่องพิมพ์ที่เหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์ของคุณ คุณสามารถตรวจเช็ควัสดุของคุณในเบื้องต้นได้ที่ www.ptasia-group.com

2. ปริมาณการผลิตต่อวัน

คุณจะต้องทราบถึงปริมาณที่ต้องการผลิตต่อวัน เพราะเครื่องพิมพ์วันที่แต่ละประเภทมีความเร็วในการพิมพ์ที่ต่างกันออกไป เลือกเครื่องพิมพ์วันที่ให้เหมาะสมกับการใช้งาน

3. จำนวนบรรทัดที่ต้องการพิมพ์

นอกเหนือจากวันที่ผลิต วันหมดอายุ รหัสสินค้า คุณอาจจะต้องการพิมพ์โลโก้ของบริษัทลงบนบรรจุภัณฑ์เพื่อเป็นการโปรโมทแบรนด์ และทำให้สินค้าดูน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น เครื่องพิมพ์วันที่ สามารถพิมพ์ได้หลายบรรทัด ขึ้นอยู่กับความสามารถเฉพาะของแต่ละรุ่น เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการตัดสินใจก่อนสั่งซื้อ

4. งบประมาณ

การพูดคุย สอบถามกับฝ่ายบริการขาย ตกลงเรื่องราคาสินค้าเป็นสิ่งสำคัญก่อนการเลือกเครื่องที่เหมาะสมกับงบประมาณที่คุณมี เพื่อที่จะเลือกเครื่องที่ตรงกับความต้องการสายผลิตของคุณมากที่สุด

5. บริการหลังการขาย

เมื่อทำการตกลงเลือกซื้อเครื่องมาแล้ว การบริการหลังการขาย PT Asia ให้ความสำคัญ ดูแลเอาใจใส่ลูกค้า เช่นการอบรม เทรนนิ่ง วิธีการใช้งาน ระบบ อื่นๆที่ทางบริษัทจัดขึ้นให้ลูกค้าสามารถเข้ามาร่วมอบรมได้ ตลอดจนการส่งทีมช่างที่เชี่ยวชาญเฉพาะรุ่นไปดูแลซ่อมแซมถึงโรงงานของคุณ

ผู้เขียนบทความ

ธนาภรณ์ ไลธิตินาถกุล

Thanaporn@ptasia.biz